ตอบคำถามเกี่ยวกับ Podcast
- ทำไมถึงมาทำ Podcast?
อยากให้คนรู้จัก ไม่ได้รู้จักเราอย่างเดียว แต่รู้จักธุรกิจของเรา ทำแบรนด์ GROOV มาตั้งแต่ปี 2008 ถ้าคนไม่รู้จัก ไม่คิดถึงเรา ไม่รู้ว่าเราถนัดอะไร มันก็ไม่มีความหมาย มันก็อยู่ไม่ได้
- ทำไมต้องเป็น Podcast?
ผมเคยเขียนหนังสือเป็นอาชีพ และเคยเขียน Blog อันที่คนอ่านเยอะสุด อยู่ที่ประมาณหลักหมื่น แต่ถ้าคุณเขียนบน social แม้มีคนอ่านเยอะแค่ไหน แต่ความน่ากลัวคือมันไม่ใช่ของคุณ การสืบค้นข้ามแพลทฟอร์มก็ไม่ได้ เลยไม่อยากยืนอยู่บนจุดเดียว
การทำ Podcast รายการเสียง + livestreaming เป็นของใหม่ พวก podcast ในฐานะรายการเสียงอยู่มานานกว่าตั้งแต่กลางปี 2000s แต่ถ้าบนวิทยุ ยิ่งนานกว่านั้นมาก แต่ถ้าเอาความเป็น Livestreaming เป็นอาชีพใหม่ ไม่เกิน 10 ปีนี้เอง
เราต้องการทำอะไรที่มันมีผลต่อคนอ่านหรือคนฟัง ถ้ามันฟังผ่านๆ ไปแค่สนุกๆ ก็ไม่ใช่ทางที่เราทำ มีคนทำเยอะอยู่แล้ว ส่วนผมกลับมาฟังวิทยุใหม่ สนุกดี นี่ฟังของ NZ เวลาผ่านไป สิ่งที่ฟังแทบลืม เพราะเขาทำรายการกันแบบหนุกๆ เรื่อยๆ แต่พวก audio content ที่ฟัง อันไหนมีประโยชน์ก็จำได้นานกว่า แต่ถ้าจะเอาประโยชน์จริงๆ คืออ่านหนังสือ เพราะมีเวลาคิดตามเยอะกว่า
- แต่ถ้าทำ Podcast รายการนั้นเป็นของคุณ?
แน่นอน คุณเป็นเจ้าของไฟล์เสียงไปจนถึงไฟล์ feed (rss,xml) แต่ถ้าคุณเลิกเช่าเซิฟเวอร์ ทุกอย่างก็จบเหมือนกัน มันประกอบไปด้วยหลายฝ่าย แต่มัน decentralized วันนึง apple ไม่ทำต่อ ที่อื่นมันก็ยังอยู่ มันไม่ได้หายไปไหน นอกจากเลิกเช่าเซิฟเวอร์
- ไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน ถึงทำวิดีโอออกมาด้วย?
แต่เดิมเป็นคนขี้อาย และพูดไม่เก่ง ถ้าย้อนไป 10 ปีก่อน คงยากที่จะมาทำแบบนี้ ทั้งที่เคยลองทำ podcast กับเพื่อนตั้งแต่ปี 2009 เคยคิดว่าจะทำเป็นวิดีโอตั้งแต่ตอนนั้น แต่เพราะปัจจัยหลายอย่างเลยไม่ได้ทำ ผ่านเวลามาถึงตอนนี้ ผมได้ฝึกวิชาการพูดในที่สาธารณะบ่อยขึ้น เลยกล้ามาทำตรงนี้
และจริงๆ ไม่ได้มั่นหน้า อยากให้ใครมาดูหน้า เพราะเวลาของผมตรงนั้นมันหมดไปแล้ว 😆 แต่ที่มั่นใจคือเนื้อหาที่เอามาพูด
คือเราปล่อยให้คนอย่างไอตู๋ มี airtime เยอะเกินไป ผมต้องขอพูดแบบ Anna ใน Frozen ว่า “At least, I’ve got a chance”
- ตอนนี้มีรายการอะไรบ้าง?
แรกเริ่มเลย มี Living the Future รายการเทคโนโลยี เราชอบเล่าเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน อนาคต และก็ต้องบอกตรงๆ ว่าที่ธุรกิจ GROOV มันมาต่อได้ขนาดนี้ เพราะเราทายอนาคตถูกมาโดยตลอด ซี่งไม่ใช่เพราะเราเห็นอนาคต แต่เราสะสมความรู้จากหลายสายและคอยอัพเดทตลอด
รายการต่อมาฟุตบอล Speak of the Devil ชื่อเหมือนติดตามทีมแมนยูไนเต็ดเป็นหลัก แต่ถ้าใครได้ฟัง จะรู้ว่าเปิดกว้าง ตั้งแต่ฟุตบอลไทย และมีแขกรับเชิญมาจากหลายทีม เป็นรายการที่จำนวนผู้ฟังสูง
อีกรายการคือ Popcast เป็นรายการพูดคุยเกี่ยวกับ Pop Culture จัดเดือนละครั้ง อันนี้ตั้งใจให้เป็นรายการฟังง่าย เรื่อยๆ
Founder Talk เป็นรายการส่วนตัวจริงๆ เล่าทุกเรื่องที่คิดตอนนั้น และสุดท้ายรายการน้องใหม่ออกมา 1 ตอน แต่น่าจะมาแรง คือ Game Talk #เล่นให้เด็กมันดู อันนี้มาจากความชอบเล่นเกมแต่เด็ก และต่อมามีลูกสาวคอยดูผมเล่นทุกวัน เป็นช่วงเวลาที่เขารอคอยเลย ช่วงแรกแค่ลอง stream ให้คนอื่นดูสนุกๆ แต่พอเอามาทำ talk show ซึ่งผลคือมีคนค้นหาด้วย keyword นี้พอควร คิดว่าไปต่อได้ แต่ทำได้เดือนละครั้ง เพราะเราต้องเล่นเกมนั้นจริงๆ เพื่อเอาประเด็นมาพูดในรายการ
- ทำไมต้อง Founder Talk?
ถ้าคุณลองเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง คุณจะค้นพบว่าการเริ่มต้นมันยากเสมอ บางทีไม่ได้ยากที่ตัวเนื้องานอย่างเดียว แต่ยากตรงจิตใจ เพราะถ้าคุณไม่ได้มีนิสัยชอบเริ่มทำอะไรใหม่ๆ แค่นี้มันก็ยากสำคัญคุณแล้ว
Founder Talk คือรายการที่พยายามจะบอกคุณว่า ให้ลองเริ่มสร้างนิสัยทำอะไรใหม่ๆ บอกแบบ subtle ไม่บอกตรงๆ พยายามลดแรงเสียดทานหรือ friction ในการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งในการหา tribe หรือคนที่ชอบคล้ายกันในตัวมันเอง
และพวกนี้ไม่จำเป็นที่ว่าผู้ฟังเป็นกลุ่มเริ่มต้นทำธุรกิจหรือฟังแล้วอยากมาทำธุรกิจเหมือนกัน หรือชวนให้ออกจากการเป็นลูกจ้างมาทำธุรกิจ เพราะนิสัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะเห็นว่าผู้ประกอบการหลายคนออกมายอมรับว่า การทำธุรกิจมันเหนื่อย มันยาก ถ้าเลือกได้ขอเป็นลูกจ้าง ส่วนตัวผมก็น่าจะไปทำงานเป็นลูกจ้างใครไม่ได้ ต่อให้ค่าจ้างสูงแค่ไหน
ถ้าคุณชอบ tech ชอบทำนายอนาคต ชอบการเมือง ชอบการทำธุรกิจ ชอบเสี่ยง ชอบความท้าทาย Founder Talk น่าจะสื่อสารไปยังกลุ่มนี้
- มีแผนอื่นอีกไหม?
ที่อยู่ในแผนคือรายการ Creative Habits หรือ Creator Talk ยังหาชื่อไม่ได้ แต่จะเป็นรายการที่สื่อสารกับคนทำ Content ด้วยกัน ที่ผ่านมาเคยพูดถึงบ้างนิดหน่อย เช่น Audio File Format แต่มีประเด็นเล่าเยอะ ที่กลัวจริงๆ คือฐานคนฟังอาจแคบไป
- เห็นว่าเริ่มต้นทำ Podcast แบบเสียเงิน ไปเอาความมั่นใจมากจากไหน?
ไม่ได้มั่นใจว่าจะมีคนมาสมัครเยอะ เพราะสมมติว่ามี 1000 คนมาสมัตร รายได้เดือนละ 29000 บาท ก่อนหักค่าใช้จ่าย รายได้ขนาดนี้อยู่ไม่ได้ อาจพอจ้างคนมาช่วยทำได้ หรือใช้เป็นงบประมาณต่อการผลิต 4-5 ตอนเท่านั้น เพราะเพื่อนที่มาช่วยทำตอนนี้ ทำเพราะชอบทำสนุกๆ ทั้งนั้น
แต่ถ้าว่าทำไมทำ ก็เพราะ
- Apple เพิ่งออกโปรแกรมนี้มา ต่อให้คนไม่จ่ายเลย เราก็ไม่ได้เสียหาย ค่าสมัคร 700 บาท แต่ต้องลองดูก่อน
- Creator ยุคใหม่ เป็นอาชีพ การเก็บเงินเป็นเรื่องปกติ ยิ่งถ้าเราคิดว่ารายการมีคุณภาพ การเก็บก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือหน้าเงินแต่อย่างใด
- มันมีต้นทุนที่แท้จริงอยู่ ตั้งแต่ค่าอุปกรณ์ ค่าเช่าเซิฟเวอร์ ค่าเวลาคนทำงาน ถ้ามันมาถึงจุดที่รายได้มันครอบคลุมทั้งหมด ผมจะดีใจมากๆ
- ที่ผ่านมาเรามองหารายการแบบ hi-res audio ซึ่งไม่มีใครเขาทำกัน แต่เราผลิตพวกนี้ เรารู้ว่าเสียงต้นฉบับมันดีกว่า ถ้ารายการนั้นมีตัวเลือก เราขอเลือกแบบ hi-res ก่อน จึงเป็นที่มาของรายการตัวเองแบบ hi-res
- คนฟังแบบ hi-res อุปกรณ์ต้องพร้อมด้วยไหม?
ล่าสุดที่ฟังเอง แม้แต่ลำโพงมือถือยังฟังออก พูดอีกแบบคือแบบ hi-res คือเสียงปกติ ขณะที่แบบทั่วไป หรือ lossy format มันสูญเสียคุณภาพ
คุณไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์พิเศษเพื่อจะเอนจอยรายการเสียงแบบ hi-res แต่สำคัญสุดคือเราอยากให้ content ของเรามันน่าฟัง ไม่ว่าเนื้อหาจะจริงจังขนาดไหน
- มีอะไรอยากฝากถึงคนอ่านไหม?
ฝากให้ลองฟัง เพราะลองได้ฟรี เพราะแค่คุณมากด subscribe ช่องธรรมดาแบบฟรี เราก็ดีใจแล้วครับ 🙏