พอดีเห็นอยู่ในชั้นหนังสือของ Tony เลยคิดว่าเอามาแนะนำสำหรับผู้สนใจการเมือง โดยเฉพาะเวลาแบบนี้

ทำไมชาติล่มจม?

ไม่สามารถอธิบายด้วยคำตอบอย่างสั้น เช่น “ก็โง่เองหนิ เลยได้แค่นี้” (ความโง่เป็นผลปลายทาง)

หนังสือเล่มนี้นำเสนอ Grand Theory อธิบายให้กระชับว่าสังคมหนึ่ง ๆ จะรุ่งหรือจะร่วง ให้ดูความเป็นสถาบัน (Institutions) ของสังคมนั้นว่าทำงานอย่างไร

ทำงานแบบ Inclusive หรือมีลักษณะ เหมารวมทุกอย่างทุกคนไว้

หรือเป็นแบบ Extractive ที่พยายามกีดกันคนอื่น เหลือแต่พวกตัวเองในกลุ่มเล็ก

สังคมมนุษย์เดินทางอย่างนานด้วยวิธีแบบ Extractive ด้วยคำที่เราคุ้นเคยว่าระบบฟัลดัล (ศักดินา) จนกระทั่งเมื่อช่วงไม่กี่ร้อยปีหลังนี่เอง ที่สังคมแบบ Inclusive ค่อยๆ เกิดขึ้นมา อันที่พัฒนาเร็วกว่าคือยุโรปตะวันตก ตั้งแต่กฎบัตร Magna Carta ที่ถือเป็นหมุดหมายแรกที่พวกบารอนเรียกสิทธิ์คืนจากกษัตริย์ ไปจนถึงการที่กาฬโรคระบาดในเส้นทางการค้าจากจีนถึงยุโรป

แต่เป็นฝั่งยุโรปตะวันตกที่คนตายเยอะ จนขาดแคลนแรงงาน และแรงงานเริ่มต่อรอง ส่วนยุโรปตะวันออก คนงานยังอยู่ในรูปแบบกระจัดกระจาย รวมตัวกันไม่ได้ เลยไม่มีผลอะไร

ถึงจุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่อังกฤษ ตอนนั้นอังกฤษมีสถาบันหลายแห่งที่เกื้อหนุนกัน จนมี Rule of Law จึงมีการพัฒนาอีกหลายสิ่งตามมาจนกลายเป็นชาติที่มั่งคั่งก่อนใครในเวลานั้น แล้วมันทำให้ชนชั้นนำ ก็ไม่อยากพยายามไปริบอำนาจคืน เพราะการเดินทางกำลังสนุก ไม่มีใครอยากไปทำให้มันสะดุด

อ่านถึงตรงนี้ บางคนจะเห็นภาพแล้ว ทำไมประเทศเกาะเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ถึงมาได้ไกล เพราะเขาเก็บสถาบันต่างๆ ที่อังกฤษทิ้งไว้ให้ครับ เขาไม่ทำลายทิ้ง ขณะที่พม่าทำลายทิ้ง เลยต่างกันมาก

บางคนอาจมีคำถามว่าสังคมที่มีลักษณะ extractive จะร่ำรวยรุ่งโรจน์ได้ไหม?

คำตอบคือเป็นไปได้แต่ไม่จีรังครับ ให้ดูกรณีที่เกิดขึ้นกับรัสเซีย และอนาคตอันใกล้คือจีน

รัสเซียดูเป็นดาวรุ่ง เพราะตอนออกจากระบบซาร์ประเทศใหญ่และกำลังพัฒนาเยอะมาก แต่ถึงจุดไปต่อไม่ไหว เพราะสังคมมัน Extractive คนส่วนน้อยได้ประโยชน์ มีสถาบันทำงานจำกัด สุดท้ายเลยกลายเป็นดาวร่วง

เหตุการณ์โรงไฟฟ้าที่ชิลโนบิลนี่ก็เป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ว่าระบบแบบนี้มันไปต่อไม่ได้

ส่วนจีน นี่ผมขออธิบายสั้นๆ ว่า Covid-19 จะไม่ระบาดแบบนี้ ถ้าจุดเริ่มของการระบาดมันไปอยู่ที่อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือประเทศที่มีความ Inclusive ไม่ละเลย ไม่ปิดปากประชาชนครับ

หรือมองย้อนกลับไปในตอนจุดท้ายสุดของราชวงศ์ชิง ทั้งที่จีนเคยรุ่งเรืองสุด ๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไปต่อไม่ไหว เพราะระบบมันได้แค่นั้นจริงๆ

ทีนี้มาเทียบกับกรณีไทย

หลายคนคงรู้กันแล้ว แต่ผมจะชี้ให้เห็นว่าอะไรคืออะไร

30 บาทรักษาทุกโรค = inclusive

คนละครึ่ง = extractive (เพราะไม่ได้ให้ทุกร้าน ทุกคน)

เงินช่วยเหลือ Covid ของไทย = extractive

การตรวจโควิด = extractive

การฉีดวัคซีน = extractive (ทำเหมือน inclusive แต่ทุกวันนี้คนจองไม่ไ้ด้ แถมตัวเลือกจำกัด เพราะ extractive)

โอ้ย ไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมพวกมึงได้แค่นี้จริงๆ